สวัสดีค่า......K. กลับมาทักทายคุณผู้อ่านกันอีกเช่นเคย ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้นะคะ K. ก็ไม่ลืมที่จะนำเรื่องราว สาระดี ๆ มาฝากคุณผู้อ่าน^-----^ บทความทั้ง 2 เรื่องที่ผ่านมา K. มุ่งมั่นและตั้งใจในการรังสรรค์ขึ้นมากถึงมากที่สุดค่ะ5555 และที่สำคัญในวันนี้K.อยากจะขอบคุณ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคนที่คอยติดตามอ่านผลงานของ K. หรือบางคนก็เข้ามาหาข้อมูลเพื่อไปทำรายงานส่งอาจารย์กัน K. ยินดีมากค่ะ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาของทุก ๆ คน เอาล่ะค่ะ.....สำหรับวันนี้ประเด็นเรื่องราวที่ K.นำมาฝากคุณผู้อ่านก็ยังคงเกี่ยวเนื่องกับ “วิวัฒนาการของมนุษย์” อีกเช่นเคย แต่ในวันนี้เป็นมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการขึ้นมาอีกระดับ เรื่องราวของมนุษย์เหล่านี้ จะทำให้คุณผู้อ่านได้เห็นถึงพัฒนาการในระดับที่เจริญขึ้นกว่ามนุษย์ “โฮโมอิเร็คตัส” ในบทความที่แล้ว ถ้าพร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักกับ "นีเเอนเดอร์ธัล" บรรพบุรุษของมนุษย์ในปัจจุบัน กันเลยยยยยยยยยยยย!!
"ลักษณะใบหน้าของ นีเเอนเดอร์ธัล"
การดำรงชีวิตของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลคาดว่าเมื่อประมาณ
1 แสนปีที่ผ่านมา ได้กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกาทางตอนเหนือ เพราะปรากฏเครื่องมือที่ทำด้วยหินเหล็กไฟ (Flint
implements)
ของมนุษย์พวกนี้ถูกทิ้งอย่างเกลื่อนกลาดตามบริเวณดังกล่าว
และอีกกิจกรรมการดำรงชีวิตในรูปแบบหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ของมนุษย์เหล่านี้คือ
“การล่าสัตว์” คุณผู้อ่านหลายคนอาจจะสงสัยนะคะว่า มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล ล่าสัตว์กันอย่างไร
เพราะลำพังแค่เครื่องมือที่ประดิษฐ์ขึ้นจากหิน
ก็ไม่สามารถช่วยให้การล่าสัตว์ง่ายดายขึ้น
ฉะนั้นมนุษย์เหล่านี้จึงมีวิธีที่ชาญฉลาดกว่านั้น
นั่นก็คือ การขุดหลุมพรางไว้
แล้วจึงไล่ล่าสัตว์ให้ตกลงไปในหลุม
แล้วจึงช่วยกันใช้หอกทิ่มแทง หรือใช้ก้อนหินทุ่มจนสัตว์นั้นตาย เมื่อสัตว์นั้นตายลงแล้ว มนุษย์พวกนี้ก็จะช่วยกันฉีกหรือตัดเนื้อของสัตว์ออกเป็นชิ้น
ๆ แล้วนำไปแจกจ่ายให้พรรคพวกกิน ดังนั้นตามถ้ำต่าง ๆ
ที่มนุษย์เหล่านี้เข้าไปอาศัยอยู่จึงมักพบเศษกระดูกสัตว์ต่าง ๆ
เกลื่อนกลาดอยู่ด้วย
ส่วนหนังสัตว์ก็อาจจะเอาไปทำเป็นเครื่องนุ่มห่มปกปิดร่างกายให้อบอุ่น
เพราะอากาศในขณะนั้นมีความหนาวเย็นมาก
"นีเเอนเดอร์ธัลมีชีวิตอยู่ในยุคน้ำเเข็ง ซึ่งมีอากาศที่เหน็บหนาวอย่างทารุณ"
นอกจากมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลที่อาศัยอยู่ในถ้ำแล้ว ในยุคนี้สัตว์ต่าง ๆ
ก็อาศัยอยู่ในถ้ำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
เสือ หมี สุนัขป่า เป็นต้น ต่างก็เข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำ
แต่สัตว์เหล่านี้จะถูกขับไล่ออกไปหมดเพราะมนุษย์ต้องการถ้ำเป็นที่อาศัย
โดยมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลจะใช้ไฟในการขับไล่สัตว์เหล่านี้ และป้องกันอันตรายจากสัตว์อื่น ๆ ด้วยในส่วนของเครื่องมือหินที่มนุษย์หล่านี้ได้ประดิษฐ์ขึ้น
ก็จะมีเครื่องมือที่ทำด้วยหินเหล็กไฟ (Flint
implements) ดังที่กล่าวถึงมาแล้วนั้น ซึ่งก็จะเป็นเครื่องมือจำพวก ขวานมือ หรือ
ขวานกำปั้น (Hand axe) ที่ทำจากหินเหล็กไฟ โดยใช้ในการสับ ตัด หรือใช้ในการขูดก็ได้
"เครื่องมือต่าง ๆ ที่นีเเอนเดอร์ธัลประดิษฐ์ขึ้น"
มนุษย์พวกนี้มักอาศัยอยู่ในถ้ำที่อยู่ใกล้
ๆ แม่น้ำลำธาร เพื่อใช้น้ำเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนการหาสัตว์น้ำมากินเป็นอาหาร อีกทั้งก็ยังเป็นการสะดวกที่จะหาหินมากะเทาะทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้อีกด้วย
วิวัฒนาการที่สำคัญของมนุษย์ในยุคนี้อีกอย่างหนึ่งคือ การที่มนุษย์เหล่านี้เริ่มรู้จักการมีสังคม
มีครอบครัว ซึ่งวิวัฒนาการในด้านนี้
มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังพบหลุมฝังศพของมนุษย์เหล่านี้ในหลาย
ๆ พื้นที่ ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อเกี่ยวกับการฝังศพ
ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ในยุคก่อน ๆ ที่ไม่มีความเชื่อแบบนี้เกิดขึ้น
รูปแบบของวิวัฒนาการที่กล่าวมาทั้งหมดย่อมแสดงให้เห็นว่า
มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล เป็นมนุษย์ที่มีความเจริญขึ้นกว่ามนุษย์ในยุคก่อนหน้ามาก
ทั้งทางด้านลักษณะทางกายภาพที่สันคิ้วเล็กลงกว่าในอดีต
เริ่มมีคางปรากฏชัดเจนมากขึ้น
และในด้านของการสร้างสรรค์เครื่องมือก็พบว่า
เครื่องมือมีรายละเอียดที่ประณีตมากยิ่งขึ้น แต่แล้วในที่สุด
มนุษย์นีแอนเดอร์ธัลก็ต้องสูญพันธุ์ไปหมด
เพราะความไม่เหมาะสมบางประการ
อาจจะเนื่องจากปริมาณของพลเมืองโลกที่เกิดมากขึ้น ทำให้อาหารขาดแคลนและลดน้อยลง อีกทั้งสภาพอากาศยุคนั้นก็หนาวเย็นมากเพราะเป็นช่วงต้นของยุคน้ำแข็งนั่นเอง เราจึงอาจกล่าวได้ว่า “ผู้อ่อนแอ....ไม่สามารถอยู่ได้บนโลกนี้”
เมื่อเขียนมาจนถึงบทสรุปของเรื่อง ทำให้ K. เอง นึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนวิชาชีววิทยาในเรื่องของ “ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน” ที่อธิบายว่าธรรมชาติทำอย่างไรจึงทำให้สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาได้ ซึ่งดาร์วินได้บอกว่า มันเป็นกลไก “การคัดเลือกโดยธรรมชาติ” (Natural selection) กล่าวคือ เมื่อสิ่งมีชีวิตแต่ละสปีชีส์มีจำนวนมากเกินกว่าที่จะอยู่รอดได้ทั้งหมด และต้องมีการดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด (Struggle for existence) สิ่งมีชีวิตตัวที่มีลักษณะแตกต่างออกไปจากตัวอื่นเล็กน้อย แต่เป็นลักษณะที่เป็นประโยชน์เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ตลอดช่วงชีวิตของมัน จะมีโอกาสมีชีวิตรอดมากกว่า หรือเรียกได้ว่า “ถูกคัดเลือกไว้ตามธรรมชาติ” นั่นเอง ซึ่งเชื่อมโยงกับการที่มนุษย์นีแอนเดอร์ธัลต้องสูญพันธุ์ไปเพราะสภาพแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้มันไม่ถูกคัดเลือกให้ดำรงอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป คุณผู้อ่านคิดเหมือน K.ไหมคะว่า ธรรมชาติบนโลกเรานี้เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดแล้วค่ะ มนุษย์เราจะดำรงอยู่ หรือจะไปก็ต้องขึ้นอยู่กับธรรมชาติ แม้ว่าเราจะสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างสะดวกสบายบนโลกนี้ แต่สักวันธรรมชาติก็ต้องทำลายสิ่งเหล่านี้ลงไปด้วยวิธีการรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง คิดแล้วเศร้า.....เฮ้อออออออออ TT เอาเป็นว่าสำหรับวันนี้ K. ขอตัวลาคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคนก่อนนะคะ แล้วเรามาเจอกัน Next week Byeeeeeeeeee
*คุณผู้อ่านคนไหนสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้จากวิดีโอข้างล่างนี้เลยค่ะ ข้อมูลครบครัน รายละเอียดเเน่น การนำเสนอเข้าใจง่าย*
เอกสารอ้างอิง
เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์.
(2555). วิวัฒนาการ (Evolution).
กรุงเทพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชลิต
ชัยครรชิต. (2540). โบราณคดีเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่2.
ขอนแก่น : ภาควิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อัจฉริยา
รังษิรุจิ. (2555). วิวัฒนาการ : จากทฤษฎีสู่การประยุกต์.
กรุงเทพมหานคร : บริษัท เท็กซ์ แอนด์
เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น